“อย่าปล่อยให้ สิว ทิ้งร่องรอยจนกลายเป็นหลุมสิว”
เทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถรักษาสิวชนิดต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้ แต่หลายคนยังมีความกังวลและยังไม่กล้ามาใช้บริการคลินิกรักษาสิว ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการรักษา และทัศนคติที่มีต่อการเลเซอร์ รวมถึงคลินิกความงาม สรุปออกมาได้เป็น 7 คำถามยอดฮิตในการรักษาสิว ได้แก่
วิธีการรักษาสิวมีเยอะแยะไปหมด ไม่รู้จะเริ่มจากอะไร?
เนื่องจากปัญหาของสิวหรือผิวหนังบนใบหน้า เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงมีแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับสิวแต่ละประเภท แนะนำให้ปรึกษาคลินิก โดยอธิบายอาการของเราให้ชัดเจน เพื่อให้แพทย์ได้วินิจฉัยหาสาเหตุและประเภทของสิวโดยละเอียด และตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาให้เราได้อย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม การเลเซอร์สิว เป็นเทคนิคหนึ่งที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี แถมยังปลอดภัยและไม่สร้างผลข้างเคียงมากอย่างที่คิด มักถูกนำมาใช้ในคอร์สการรักษาสิวของหลาย ๆ คลินิกในปัจจุบัน
เลเซอร์สิว คืออะไร?
เลเซอร์สิว คือ เทคนิคการรักษาโดยใช้พลังงานจากแสงส่งไปยังเซลล์เป้าหมายในผิวหนัง เพื่อทำลายเซลล์เป้าหมายนั้น โดยแทบไม่สร้างผลกระทบต่อเซลล์ข้างเคียง เราใช้เลเซอร์ในการขจัดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์บนผิวหนังหรือเพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น เช่น การลบริ้วรอย จุดด่างดำ ลบรอยสัก กำจัดขน และอื่น ๆ และแน่นอนว่ารวมถึงใช้ในการรักษา “สิว” ด้วย
ทำไมเลเซอร์ ถึงช่วยเรื่องการรักษาสิวได้
เนื่องจากพลังงานแสงสามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการอักเสบของสิวได้ แถมยังลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยผลัดชั้นผิว ลดการอุดตัน กระตุ้นการสมานตัว และลดโอกาสการเกิดแผลเป็นและหลุมสิวได้ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์การรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของสิวที่ทำการรักษา และปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดสิวด้วย
เลเซอร์ทำให้หน้าบางจริงหรือไม่?
ขึ้นอยู่กับรูปแบบการรักษาและกลุ่มของเลเซอร์ที่ใช้ อย่างเช่น เลเซอร์ปรับสภาพผิว นอกจากไม่ทำให้ผิวบางลงแล้ว กลับสามารถช่วยปรับสภาพผิวและกระตุ้นให้มีการสร้างผิวใหม่ที่เรียบกว่าผิวเก่าอีกด้วย กล่าวคือ ทำให้ผิวหนังกลับมาหนาขึ้นนั่นเอง หรือเลเซอร์ในกลุ่มรักษาฝ้า กระ ซึ่งจะส่งผลเจาะจงแค่เม็ดสีในชั้นผิวเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ผิวบางลง
อย่างไรก็ตาม เพื่อความมั่นใจและความคาดหวังที่เหมาะสมในการรักษาแต่ละครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อกังวลต่าง ๆ ก่อนทำการรักษา
กลัวแพงจัง ค่าใช้จ่ายในการรักษาสิวและหลุมสิวจะสูงหรือไม่?
ไม่แน่เสมอไป เพราะค่ารักษา จะขึ้นอยู่กับ รูปแบบการรักษา อุปกรณ์ และเทคโนโลยีการรักษา ซึ่งจะแตกต่างกันไป จึงต้องดูจากปัญหาของผิวหน้า ชนิดของสิว หรืออาการที่ต่อเนื่องมาจากการเป็นสิวที่ต้องการรักษา
ข้อแนะนำคือ ควรปรึกษากับแพทย์โดยตรงหรือคลินิกที่เข้าใจเรื่องแนวทางการรักษาสิวเป็นอย่างดี เพราะสามารถตอบคำถามได้ตรงไปตรงมา ช่วยให้เราสามารถประเมินแนวทาง ระยะเวลาที่ใช้ และงบประมาณเบื้องต้นได้ ก่อนที่จะเข้ามารักษาจริง
คลินิกรักษาสิว เลี้ยงไข้ เน้นแต่ขายคอร์สแพง ๆ จริงหรือไม่?
“บางคนโดนไปหลายหมื่น
พอเลิกรักษาแล้ว
สิวกลับมาเป็นอีก เหมือนโดนเลี้ยงไข้”
บางคนอาจจะเคยได้ยินเพื่อน ๆ พูดกันแบบนี้ หรืออาจประสบพบเจอกับตัวเองโดยตรง ทำให้รู้สึกผิดหวังและฝังใจ เราอาจเคยได้ยินว่า วงการคลินิกเสริมความงาม มักเน้นธุรกิจ พาลูกค้าเข้าร้านแล้วไปกล่อมเสนอขายคอร์สแพง ๆ ให้รู้สึกว่าปฏิเสธยาก หรือเน้นพนักงานขายสำคัญกว่าแพทย์ผู้รักษา ทำให้ลูกค้าได้คอร์สการรักษาที่ไม่ตอบโจทย์ของเขาเอง (แต่ไปตอบโจทย์พนักงานขายแทน)
ความจริงแล้ว คลินิกหลายแห่งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าทางคลินิกก็คงต้องทำธุรกิจ แต่เขาอาจให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากกว่า กล่าวคือ เน้นความพึงพอใจของลูกค้า ลูกค้าต้องรู้สึกสบายใจ และเห็นผลลัพธ์จริง ๆ หลายแห่งเน้นที่ “สาเหตุและอาการ” ของคนไข้เป็นสำคัญ คุณหมอบางท่านจะสอบถามคนไข้ละเอียดมาก เพื่อประเมินสาเหตุของสิว อาจละเอียดลึกถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อนำมาประเมินสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิว คลินิกบางแห่งรักษาตามจริงตามหลักการทางการแพทย์ ไม่เลี้ยงไข้ เน้นความจริงใจในการให้บริการ และแนะนำเฉพาะคอร์สรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าให้เราเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในคลินิกที่สนใจโดยไม่ทำการบ้านมาก่อนเลย หากเราสนใจคลินิกที่ไหน ลองเริ่มต้นจากการค้นหาข้อมูลคลินิก ตรวจสอบว่าเป็นอายุรแพทย์แพทย์ด้านผิวหนังหรือไม่ (ถ้าใช่ ก็จะยิ่งน่าเชื่อถือ) ลองอ่านรีวิว ดูคะแนนรีวิว ทั้งในรูปแบบข้อความและคลิปรีวิว หรือแม้แต่ลองสอบถามเพื่อนหรือคนรู้จักที่เคยรักษากับคลินิกดูก่อน
สรุป
เมื่อเป็นสิวแล้ว ควรดูแลรักษาอย่างถูกต้อง หากรู้สึกไม่สบายใจ กังวล หรือคิดมาก ว่าจะมีผลกระทบอะไรหลังการรักษา ควรปรึกษาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง (ที่คลินิกที่น่าเชื่อถือ หรือที่โรงพยาบาลก็ได้) อย่าปล่อยให้คำถาม เป็นเพียงคำถามที่ค้างคาในใจ เพราะนอกจากจะทำให้กังวลใจโดยใช่เหตุแล้ว อาจทำให้เราไม่มีโอกาสได้รับรักษาสิวด้วยวิธีการที่ถูกต้องหรือทันท่วงที ซึ่งบางครั้งจะยิ่งทำให้การรักษาต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปอีก