- กระเนื้อ (Seborrheic keratosis) เป็นเนื้องอกสีน้ำตาลถึงสีดำ เกิดจากการก่อตัวของเซลล์ผิวหนัง พบได้ทุกตำแหน่งในร่างกาย โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป
- สาเหตุหลักของกระเนื้อคือการสัมผัสรังสี UV จากแสงแดดเป็นเวลานาน แม้ส่วนใหญ่ไม่อันตราย แต่หากเพิ่มขนาดหรือเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจ
- กระเนื้อมีลักษณะเป็นตุ่มแบนหรือติ่งเนื้อนูนสีน้ำตาล พบได้บ่อยบริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก หลัง และใต้ตา โดยกระเนื้อจะแตกต่างจากติ่งเนื้อ (Skin Tag) ตรงที่ติ่งเนื้อมักมีก้านเล็กๆ บริเวณโคน
- การรักษากระเนื้อทำได้หลายวิธี เช่น เลเซอร์ CO2, การพ่นไอเย็น, การลอกด้วยสารเคมี และการผ่าตัด The One Clinic เลือกใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ CO2 เพื่อกำจัดกระเนื้ออย่างปลอดภัย แม่นยำ โดยไม่ทิ้งแผลเป็น ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
สารบัญ
ทำความรู้จัก กระเนื้อ คืออะไร?
กระเนื้อ (Seborrheic keratosis) คือ การก่อตัวของเซลล์ผิวหนังทำให้เป็นเนื้องอกสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีดำ เกิดได้ทุกตำแหน่งในร่างกาย ส่วนใหญ่จะเกิดที่บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก แผ่นหลัง และใต้ตา โดยลักษณะเป็นตุ่มแบนหรือติ่งเนื้อนูนออกมา ส่วนมากจะพบบ่อยในกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 50 ปี เกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
กระเนื้อโดยทั่วไปไม่มีอันตรายอะไรต่อผิวหนัง แต่หากมีปริมาณมากเกินไปก็อาจจะส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนในกรณีที่ปริมาณของกระเนื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรูปร่างหรือสีเปลี่ยนไป ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาให้ถูกวิธี เพราะอาจจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้
กระเนื้อ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?
กระเนื้อที่พบเจอกันทั่ว ๆ ไป มักเกิดจากการโดนรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดเป็นเวลานานหลายปี พบบ่อยในผู้ที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ผู้ที่ต้องทำงานกลางแดด ผู้สูงอายุที่การทำงานของเซลล์ผิวเริ่มชะลอตัว หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ก็ส่งผลให้เกิดกระเนื้อบนผิวหนังได้เช่นกัน นอกจากนี้ บางเชื้อชาติก็พบกระเนื้อบนผิวหนังตั้งแต่อายุน้อยด้วยปัจจัยของเซลล์ผิวและพันธุกรรม
กระเนื้อมีลักษณะอย่างไร? เกิดขึ้นที่ส่วนไหนของร่างกายบ้าง?
สำหรับลักษณะทั่ว ๆ ไปของกระเนื้อ จะเป็นตุ่มแบนหรือติ่งเนื้อนูนออกมาจากผิวหนัง มีสีน้ำตาลอ่อน ๆ และอาจจะค่อย ๆ มีสีเข้มขึ้น รวมทั้งขนาดของติ่งเนื้อก็สามารถขยายขึ้นได้ตามระยะเวลา กระเนื้อจะทำให้ผิวของคุณขรุขระ ไม่เรียบเนียน ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นใจในการเผยผิว
กระเนื้อ สามารถพบในบริเวณใดบ้าง?
กระเนื้อ คือปัญหาผิวหนังที่สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่มองเห็นได้ชัดเจนบนใบหน้าและผิวกาย กระเนื้อมักจะปรากฏในรูปแบบของจุดสีน้ำตาลหรือสีดำขนาดเล็ก ซึ่งเกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแลรักษา กระเนื้ออาจลุกลามไปยังบริเวณอื่นๆ บนใบหน้าและร่างกาย
โดยบริเวณที่พบกระเนื้อได้บ่อย มีดังนี้
- ใบหน้า: กระเนื้อที่หน้าส่วนมากจะปรากฏบริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก รวมถึงรอบดวงตา ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับแสงแดดโดยตรง ทำให้เกิดการสะสมของเม็ดสีเมลานินได้ง่าย
- ลำคอ: ผิวบริเวณลำคอมีความบอบบางและอ่อนไหว จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดกระเนื้อได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน
- หน้าอก: ผิวหนังบริเวณหน้าอกมักได้รับแสงแดดและรังสียูวี ซึ่งกระตุ้นให้เกิดกระขึ้นตามตัว เกิดจากการสะสมของเม็ดสีผิวที่มากเกินไป
- ไหล่และหลัง: กระเนื้อสามารถเกิดขึ้นได้ในบริเวณไหล่และหลัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวขาวและไวต่อแสง เนื่องจากเป็นจุดที่มักถูกเปิดให้สัมผัสกับแดดในชีวิตประจำวัน
- แขนและขา: กระเนื้อยังสามารถปรากฏบนแขนและขาได้ แม้ว่าจะไม่บ่อยเท่ากับบริเวณใบหน้าและลำตัว แต่ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
แยกให้ออก! กระเนื้อ และ ติ่งเนื้อ แตกต่างกันอย่างไร?
หลาย ๆ ท่านอาจจะยังสับสนความแตกต่างระหว่าง ‘กระเนื้อ’ และ ‘ติ่งเนื้อ’ (Skin Tag) เพราะมีลักษณะบางอย่างคล้าย ๆ กัน แต่จริง ๆ แล้วมีความต่างกัน ซึ่งวันนี้ The One Clinic จะอธิบายให้เคลียร์ชัดกันเลย
กระเนื้อ
- ลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีน้ำตาลแบนราบกับผิว
- เกิดจากพันธุกรรม อายุ และพฤติกรรมที่โดนแดดจัด ๆ เป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง
- พบได้ในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
ติ่งเนื้อ
- ลักษณะเป็นก้อนเนื้อนุ่ม มีขนาดเล็ก นูนออกมาเป็นติ่งจากผิวหนัง มีก้านเล็ก ๆ ตรงโคน (ซึ่งเป็นส่วนที่เอาไว้แยกความต่างจากกระเนื้อ) และจะเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับผิวหนัง
- เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย พบบ่อยในบริเวณที่มีการเสียดสีหรือระคายเคืองง่าย เช่น เปลือกตา ซอกรักแร้ และซอกราวนม
- ส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเยอะ และพันธุกรรม
กระเนื้อสามารถกลายเป็นมะเร็งได้หรือไม่?
หากมีความกังวลว่ากระเนื้อที่ผิวหนังจะลุกลามกลายเป็นปัญหารุนแรงถึงขั้นมะเร็งผิวหนังได้หรือไม่?
เราแนะนำให้ลองดูลักษณะของมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Malignant Melanoma) เพื่อแยกความแตกต่าง โดยมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนคล้ายไฝ ขี้แมลงวัน และกระเนื้อ คนส่วนใหญ่จึงเข้าใจผิดและรู้สึกกังวล แต่จุดที่ต่างกันชัด ๆ คือ มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมามักมีตุ่มนูนขึ้นมาเพียงจุดเดียว และมีขนาดใหญ่ผิดปกติ รูปร่างไม่สมมาตร รูปทรงไม่ชัดเจน สีของตุ่มนูนก็ไม่สม่ำเสมอ อาจจะมีหลายเฉดสีในตุ่มเดียว รวมทั้งอาจมีเลือดออกจากตุ่มนั้นในบางราย ซึ่งต่างจากกระเนื้อที่จะเป็นตุ่มเล็กหลายจุดรวมกัน และมีเม็ดสีที่สม่ำเสมอ
สำหรับผู้ที่มีความกังวลกับอาการกระเนื้อตามผิวหนัง สบายใจได้ว่ากระเนื้อที่พบอาจจะไม่ได้เป็นต้นตอของเนื้อร้าย แต่ส่งผลต่อความสวยงามและความมั่นใจอยู่บ้าง ส่วนในเคสที่กระเนื้อเพิ่มขึ้นมากผิดปกติหรือมีขนาดใหญ่จนผิดสังเกต อาจจะเป็นอาการของโรคผิวหนังอักเสบ ภาวะที่ร่างกายติดเชื้อไวรัส หรือระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ จึงควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง
ปรึกษาแพทย์ให้ชัวร์ เป็นกระเนื้อจริงหรือไม่?
การรักษากระเนื้อ มีวิธีไหนบ้าง?
1. การทำเลเซอร์ CO2
วิธีนี้แพทย์จะแปะหรือฉีดยาชาตรงผิวหนังบริเวณที่มีกระเนื้อ จากนั้นก็ใช้เลเซอร์ยิงกระเนื้อออก วิธีนี้จะเกิดแผลเป็นน้อยที่สุดและเจ็บน้อยที่สุด เรียกว่าได้รับความนิยมจากผู้ที่ต้องการรักษากระเนื้อ
2. การพ่นด้วยไอเย็น
เป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวพ่นบริเวณที่มีปัญหากระเนื้อ ทำให้ผิวเกิดตุ่มน้ำพอง จนแห้งตกสะเก็ดและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้น
3. ลอกด้วยสารเคมี
เป็นการรักษาโดยการใช้กรดชนิดต่าง ๆ ในการลอกเอาผิวหนังส่วนบนออกไป และปรับผิวชั้นบนให้เรียบเนียนขึ้น
4. การผ่าตัด
การผ่าตัดเอาผิวหนังบริเวณที่มีปัญหากระเนื้อหรือบริเวณที่ถูกทำลายออก โดยแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดที่ผ่าตัด จากนั้นก็ทำการตัดเอาผิวหนังส่วนนั้นออกไป เพื่อให้เซลล์ผิวหนังสร้างผิวขึ้นใหม่
รักษากระเนื้อด้วยเลเซอร์ CO2 ที่ The One Clinic
แนะนำโปรแกรมสำหรับคุณ!
ราคา 1,490 บาท สำหรับจุดแรก (กระเนื้อ ติ่งเนื้อ ต่อมไขมันนูน สิวหิน ขี้แมลงวัน)
ราคา 390 บาท สำหรับจุดที่สองเป็นต้นไป
* ราคาโดยประมาณ หูด ไฝ ตาปลา ต้องประเมินโดยแพทย์ก่อนว่าทำได้ไหม
** ภายใน 3 เดือน หากมีจุดที่ยังหลุดไม่หมดหรือยังไม่พอใจลูกค้าสามารถกลับมาย้ำจุดเดิมได้ฟรี 1 ครั้ง