หนังศีรษะลอกเกิดจากการสูญเสียความชุ่มชื้นหรือการระคายเคือง ส่งผลให้เกิดอาการแห้ง คัน และหลุดลอก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม หรือปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อสมดุลของผิว การเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะอย่างเหมาะสม จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง ลดอาการลอก และรู้สึกสบายศีรษะ วันนี้ The One Clinic จึงมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มีปัญหาหนังศีรษะมาฝากกัน
สารบัญ
หนังศีรษะลอกคืออะไร?
หนังศีรษะลอกเป็นภาวะที่เซลล์ผิวหนังบริเวณศีรษะหลุดลอกออกมาเป็นขุยหรือแผ่น ซึ่งมักเกิดจากความแห้งของผิวหรือปัญหาผิวหนังอื่น ๆ อาการนี้สามารถแยกแยะได้จากลักษณะของขุยที่เกิดขึ้น
- รังแค (Dandruff) – ขุยสีขาวหรือเหลืองอ่อน เกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของยีสต์หรือความมันบนหนังศีรษะ
- หนังศีรษะแห้ง – ขุยบาง ๆ ที่เกิดจากการขาดความชุ่มชื้นโดยตรง ทำให้ผิวแห้งและหลุดลอกง่าย
- สะเก็ดเงิน (Psoriasis) – เกล็ดหนาสีเงิน มักมีรอยแดงและการอักเสบร่วมด้วย โดยเกล็ดสะเก็ดเงินจะหนากว่ารังแค และมักทำให้เกิดอาการคันที่รุนแรงกว่า
การเข้าใจประเภทของหนังศีรษะลอกช่วยให้คุณสามารถเลือกแนวทางการดูแลที่เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูสุขภาพหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งและมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่ควรรู้! หนังศีรษะลอก เกิดจากอะไร?

หนังศีรษะลอกเป็นปัญหาที่หลายคนเผชิญ ซึ่งอาจมาพร้อมกับอาการคัน แห้ง หรือแม้แต่รังแค โดยอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งภายในและภายนอก การทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้สามารถดูแลและป้องกันได้อย่างเหมาะสม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
1. ปัจจัยทั่วไป – ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
หนังศีรษะที่แห้งมากเกินไปสามารถทำให้เซลล์ผิวหนังผลัดตัวเร็วขึ้นจนเกิดเป็นขุย สาเหตุหลัก ได้แก่
- การขาดความชุ่มชื้น – หนังศีรษะไม่ได้รับน้ำมันธรรมชาติที่เพียงพอ
- การอาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ – อุณหภูมิสูงทำให้ความชุ่มชื้นในหนังศีรษะลดลง
- การสระผมถี่เกินไป – อาจทำให้ไขมันตามธรรมชาติถูกชะล้างออกมากเกินไป
🛡 วิธีดูแล: ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน หลีกเลี่ยงน้ำอุ่นจัด และบำรุงหนังศีรษะด้วยน้ำมันธรรมชาติ
2. โรคทางการแพทย์ – สะเก็ดเงิน เชื้อรา และปัญหาผิวหนัง
หนังศีรษะลอกอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังที่ต้องได้รับการดูแลเฉพาะทาง เช่น
- สะเก็ดเงิน (Psoriasis) – เกิดจากการผลัดเซลล์ผิวที่เร็วผิดปกติ ทำให้เกิด เกล็ดหนาสีเงิน และรอยแดง
- โรคผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) – เกิดจากเชื้อรา Malassezia บนหนังศีรษะ ทำให้เกิด รังแค ผิวแดง คัน และหนังศีรษะมันผิดปกติ
- การติดเชื้อราหรือแบคทีเรีย – ทำให้เกิดหนังศีรษะอักเสบ คัน ตกสะเก็ด และผมร่วงเป็นหย่อม ๆ
🛡 วิธีดูแล: ใช้แชมพูขจัดรังแคที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole หรือ Zinc Pyrithione หากอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์
3. ปัจจัยภายนอก – สภาพอากาศและผลิตภัณฑ์ที่ใช้
- อากาศแห้งและฤดูหนาว – ความชื้นในอากาศต่ำทำให้หนังศีรษะแห้งง่าย
- สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ดูแลผม – เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือซัลเฟต อาจทำให้หนังศีรษะระคายเคือง
- การใช้ความร้อนสูง – ไดร์ผมหรือหนีบผมบ่อย ๆ ทำให้หนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้น
🛡 วิธีดูแล: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง ลดการใช้ความร้อน และเลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะ
นอกจากนี้ ฤดูกาลและสภาพอากาศสามารถส่งผลกระทบต่อหนังศีรษะได้อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งสภาพอากาศในแต่ละช่วงเวลามีความแตกต่างกันในด้านความชื้นและอุณหภูมิที่มีผลต่อการสร้างความรู้สึกแห้งหรือเกิดการสะสมของเหงื่อบนหนังศีรษะได้
ฤดูหนาว:
ในช่วงฤดูหนาวที่อากาศเย็นและแห้ง ความชื้นในอากาศที่ลดลงอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและเกิดการระคายเคืองมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หนังศีรษะลอก เนื่องจากผิวแห้งเกินไปและไม่สามารถผลิตน้ำมันธรรมชาติได้เพียงพอในการรักษาความชุ่มชื้น นอกจากนี้ อากาศเย็นและลมแรงยังส่งผลให้การทำงานของต่อมไขมันชะลอตัวลง ทำให้หนังศีรษะแห้ง คัน และอาจเกิดการลอกได้
ฤดูร้อน:
ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนและมีความชื้นสูง หนังศีรษะอาจเกิดการสะสมของเหงื่อและน้ำมันจากผิวหน้าหรือการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการคัน รวมถึงการสะสมของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราที่อาจทำให้หนังศีรษะลอกได้ นอกจากนี้ เหงื่อที่ค้างอยู่บนหนังศีรษะเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาผิวหนังอื่น ๆ
การดูแลหนังศีรษะตามฤดูกาล:
การเข้าใจผลกระทบของสภาพอากาศต่อหนังศีรษะช่วยให้สามารถเลือกวิธีดูแลที่เหมาะสมได้ เช่น การใช้แชมพูที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่วงฤดูหนาว และ การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเพื่อลดการสะสมของเหงื่อและน้ำมันในช่วงฤดูร้อน
อาการที่บ่งบอกว่าคุณมีปัญหาหนังศีรษะลอก
การบ่งบอกเมื่อมีปัญหาหนังศีรษะลอกจะสามารถทำได้จากการสังเกตอาการต่าง ๆ และความผิดปกติ เช่น
- คันศีรษะ: หนึ่งในอาการหลักของหนังศีรษะลอกคือความรู้สึกคัน ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองของหนังศีรษะ
- หนังศีรษะเป็นแผ่นหรือขุย: การมีแผ่นขุยหรือเศษผิวหนังหลุดลอกเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับความรุนแรง
- มีรอยแดงหรืออักเสบ: ในบางกรณี อาจพบรอยแดงหรือหนังศีรษะที่อักเสบซึ่งมักเกิดจากการระคายเคืองหรือการติดเชื้อ
- แห้งและลอกเป็นขุย: หนึ่งในอาการที่สามารถเห็นได้ชัดคือการที่หนังศีรษะแห้งและลอกออกมาเป็นขุย โดยมักจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
การแบ่งระดับความรุนแรงของอาการ:
- เบา: คันหนังศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับขุยเล็กน้อย
- ปานกลาง: หนังศีรษะมีขุยและแห้งชัดเจน มีรอยแดง
- รุนแรง: มีอาการอักเสบหรือการติดเชื้อร่วมกับการลอกของหนังศีรษะมากมาย
การแบ่งระดับนี้จะช่วยให้คุณประเมินอาการของตนเองและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้อย่างตรงจุด ทำให้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผล และไม่กลับมาเป็นซ้ำ
เทียบความแตกต่างระหว่างหนังศีรษะลอกและรังแค
หลายคนสับสนระหว่างหนังศีรษะลอกและรังแค เนื่องจากทั้ง 2 ภาวะนี้ทำให้เกิดสะเก็ดหรือแผ่นขุยบนหนังศีรษะคล้าย ๆ กัน แต่มีสาเหตุและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันอยู่หลายส่วน ลองตามไปดูกันเลย!
ลักษณะเฉพาะของหนังศีรษะลอก
หนังศีรษะลอกมักเกิดจากความแห้งของผิวหนังหรือปัจจัยภายนอก เช่น อากาศหนาว แสงแดด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง อาการที่มักพบบ่อย ได้แก่:
- ผิวหนังแห้งและหลุดลอกเป็นแผ่นบาง ๆ หรือเป็นขุยเล็ก ๆ
- คันหรือระคายเคืองโดยเฉพาะหลังสระผม
- อาจมีรอยแดงร่วมด้วย หากเกิดจากภาวะผิวหนังอักเสบหรือโรคผิวหนังบางชนิด
ลักษณะเฉพาะของรังแค
รังแคมีสาเหตุหลากหลาย จากประสบการณ์ของ The One Clinic คนไข้ส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากเชื้อยีสต์ Malassezia ที่อาศัยอยู่บนหนังศีรษะและเจริญเติบโตมากเกินไป เนื่องจากความมันส่วนเกิน อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- เกิดสะเก็ดขาวหรือเหลืองมันที่มีขนาดใหญ่กว่าหนังศีรษะลอกทั่วไป
- มีอาการคันศีรษะร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณที่มีการผลิตน้ำมันมาก
- อาจมีการอักเสบหรือตกสะเก็ดเป็นบริเวณกว้างในกรณีที่รุนแรง
ปัญหาหนังศีรษะลอกกับอาการผมร่วง
หนังศีรษะลอกเป็นอาการที่อึดอัดอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้แล้วก็ยังสามารถส่งผลต่อการเกิดอาการผมร่วงได้อีก โดยทั่วไปแล้วการลอกของหนังศีรษะไม่ใช่สาเหตุหลักของการหลุดร่วงของผมโดยตรง แต่การระคายเคืองที่อาจเป็นอาการหนึ่งที่เกิดรวมถึงการเกาหรือการอักเสบที่เกิดจากอาการหนังศีรษะลอก และอาจส่งผลให้ผมร่วงได้ หากคุณมีปัญหาผมร่วงตามลักษณะที่กล่าวไป ลองปรึกษาหมอหนึ่ง ที่ The One Clinic เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนได้ค่ะ
หนังศีรษะลอก ปัญหานี้ควรแก้ยังไง? รักษาอย่างไรให้เห็นผล?
หนังศีรษะลอกสามารถรักษาได้หลากหลายวิธี ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะทางเพื่อแก้ปัญหาหนังศีรษะ การรักษาเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญ หรือการใช้วิธีธรรมชาติ การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหาและความรุนแรงของอาการ The One Clinic มีขั้นตอนการรักษาหนังศีรษะลอกที่สามารถทำได้มาฝากกัน
1. การใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะ
การเลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมในการขจัดรังแคหรือสูตรอ่อนโยนที่ไม่ทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการหนังศีรษะลอก แชมพูที่ใช้ควรมีสารสกัดที่ช่วยลดการอักเสบและคุมความมัน เช่น:
- แชมพูที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole : เป็นยาฆ่าเชื้อรา และลดการเกิดรังแค
- แชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน (Tar Shampoo): ช่วยลดการอักเสบและลดอาการลอก
- แชมพูสูตรอ่อนโยน: ไม่มีสารเคมีแรง ๆ และเหมาะสำหรับการใช้กับหนังศีรษะที่บอบบาง เช่น แชมพูเด็ก แชมพูสูตรผิวแพ้ง่าย
2. การรักษาเฉพาะทาง
หากอาการหนังศีรษะลอกไม่ดีขึ้นจากการใช้แชมพูหรือผลิตภัณฑ์ทั่วไป อาจจำเป็นต้องใช้ยารักษาจากแพทย์หรือหัตถการเฉพาะทาง เช่น:
- ยาต้านเชื้อรา เช่น Ketoconazole หรือ Ciclopirox ที่สามารถใช้รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อราบนหนังศีรษะ อาทิ โรครังแค หรือโรคสะเก็ดเงิน
- ยาสเตียรอยด์ สำหรับลดการอักเสบในกรณีที่มีอาการรุนแรงจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคผิวหนังอักเสบ
- การรักษาทางคลินิก เช่น การใช้เลเซอร์หรือการรักษาด้วยแสงเพื่อบรรเทาอาการอักเสบและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่
3. การรักษาแบบธรรมชาติ
หลายคนหันไปใช้วิธีธรรมชาติในการบำรุงหนังศีรษะเพื่อบรรเทาอาการลอก เช่น:
- น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่หนังศีรษะและลดการระคายเคือง
- น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและเชื้อรา ทำให้เหมาะสมในการลดอาการหนังศีรษะลอก
- น้ำมันมะกอก ช่วยบำรุงและรักษาหนังศีรษะให้ชุ่มชื้นและป้องกันการลอก
วิธีดูแลหนังศีรษะให้สุขภาพดี
หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาหนังศีรษะลอก เราขอแนะนำให้เริ่มต้นดูแลสุขภาพของผิวที่บริเวณหนังศีรษะตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งหมอหนึ่งได้รวบรวมเทคนิคดี ๆ ทำได้เองง่าย ๆ มาให้แล้วค่ะ
1. การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
การใช้แชมพูและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทหนังศีรษะเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพหนังศีรษะ:
- แชมพูที่เหมาะสมกับหนังศีรษะ เช่น แชมพูที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ ไม่ทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปหรือเกิดการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น ซัลเฟต (Sulfates) หรือสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เพราะอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและอ่อนแอลง
2. เทคนิคการล้างและบำรุงหนังศีรษะ
การสระผมและบำรุงหนังศีรษะอย่างถูกวิธีสามารถช่วยให้หนังศีรษะมีสุขภาพดี:
- สระผมอย่างอ่อนโยน การใช้ปลายนิ้วในการนวดหนังศีรษะแทนการขัดถูอย่างรุนแรงจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและไม่ทำให้หนังศีรษะเสียหาย
- ไม่สระผมบ่อยเกินไป การล้างผมทุกวันอาจทำให้หนังศีรษะแห้ง ควรล้างผม 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อรักษาความชุ่มชื้น
- ใช้ครีมนวดผม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ โดยเลือกครีมนวดที่เหมาะสมกับสภาพผมและหนังศีรษะ
- เช็ดผมให้แห้งก่อนนอนเสมอ เพื่อป้องกันความอับชื้นและเชื้อราบนหนังศีรษะ
3. การหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำร้ายหนังศีรษะ
สิ่งบางอย่างอาจทำให้หนังศีรษะเสียหายหรือเกิดปัญหาได้ ควรหลีกเลี่ยงดังนี้:
- หลีกเลี่ยงความร้อนสูง การใช้เครื่องเป่าผมหรือเครื่องม้วนผมที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปสามารถทำให้หนังศีรษะแห้งและเส้นผมแตกหักได้
- ไม่เกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง การเกาหนังศีรษะด้วยเล็บอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้หนังศีรษะมีการอักเสบได้
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง เช่น สารฟอกสีผมหรือยืดผมที่มีส่วนผสมของเคมีแรง ๆ ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองหรือเส้นผมอ่อนแอลง
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับหนังศีรษะลอก
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเทคนิค หลายความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลหนังศีรษะ ซึ่งถ้าทำตามไปนาน ๆ อาจจะยิ่งส่งผลให้เกิดปัญหาหนังศีรษะลอกจนนำไปสู่ปัญหาผิวหนังอื่น ๆ ตามมาได้อีก
1. ความเชื่อ: การสระผมบ่อยช่วยลดหนังศีรษะลอก
ข้อเท็จจริง: การสระผมบ่อยเกินไปมักมีผลตรงข้ามและทำให้หนังศีรษะแห้งและลอกมากขึ้น เนื่องจากแชมพูอาจชะล้างน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของหนังศีรษะไปด้วย โดยเฉพาะแชมพูที่มีสารขจัดสิ่งสกปรกชนิดรุนแรง
2. ความเชื่อ: หนังศีรษะลอกเกิดจากความแห้งเท่านั้น
ข้อเท็จจริง: แม้ว่าความแห้งจะเป็นสาเหตุหนึ่งของหนังศีรษะลอก แต่มันก็ไม่ใช่สาเหตุเดียว โรคผิวหนังอักเสบจากความมัน (Seborrheic Dermatitis) ก็อาจจะเป็นอีกสาเหตุได้เช่นกัน ซึ่งเกิดจากการผลิตน้ำมันมากเกินไปและอาจเกี่ยวข้องกับเชื้อรา Malassezia ที่เติบโตมากจนเกินไปบนศีรษะ
3. ความเชื่อ: การใช้น้ำมันธรรมชาติช่วยแก้หนังศีรษะลอกได้ทุกกรณี
ข้อเท็จจริง: แม้ว่าน้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะที่แห้งได้ แต่หากหนังศีรษะลอกเกิดจากเชื้อราหรือความมันส่วนเกิน น้ำมันบางชนิดอาจทำให้ปัญหาแ
วิธีป้องกันหนังศีรษะลอก
หนังศีรษะลอกเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเกิดจาก ความแห้งของผิว สภาพอากาศ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม หรือโรคผิวหนัง การป้องกันหนังศีรษะลอกไม่ใช่แค่การเลือกแชมพูที่ดี แต่รวมถึงการปรับพฤติกรรมการดูแลหนังศีรษะให้เหมาะสม
การรักษาความชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง และดูแลสุขภาพโดยรวม ล้วนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้หนังศีรษะลอก การดูแลที่ถูกต้องช่วยลดอาการลอก คัน และป้องกันปัญหาหนังศีรษะในระยะยาว มาดูกันว่า วิธีป้องกันหนังศีรษะลอก ที่ได้ผลและเหมาะกับทุกสภาพผิวมีอะไรบ้าง เพื่อให้หนังศีรษะของคุณแข็งแรง ชุ่มชื้น และปราศจากอาการลอก!
- หลีกเลี่ยงความร้อนสูง: การใช้เครื่องเป่าผมหรือเครื่องหนีบผมที่มีความร้อนสูงอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและลอกได้ ควรถือเครื่องเป่าผมห่างจากศีรษะ ระหว่างการเป่า และควรใช้ ลมเย็น แทนเพื่อลดการสูญเสียความชุ่มชื้น
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: ควรเลือก แชมพูและครีมนวดผมที่ปราศจากสารเคมีรุนแรง เช่น น้ำหอมสังเคราะห์หรือซัลเฟต เพื่อลดการระคายเคืองและช่วยรักษาความชุ่มชื้นของหนังศีรษะ
- หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง: การทำสีผม ดัดผม หรือใช้สารเคมีอาจทำให้หนังศีรษะแห้ง ควรจำกัดการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้หรือเลือกสูตรที่อ่อนโยน
- ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับหนังศีรษะ: สเปรย์กันแดดสำหรับหนังศีรษะ สามารถช่วยปกป้องจากแสงแดดและลดความเสียหายจากรังสียูวี
- หลีกเลี่ยงการเกาหนังศีรษะ: การเกาอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้หนังศีรษะลอก ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาอาการคันแทน
- สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ: น้ำที่ร้อนเกินไปสามารถดึงความชุ่มชื้นออกจากหนังศีรษะ ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ เพื่อลดการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่มีแอลกอฮอล์: สารแอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและลอก ควรเลือก สูตรที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เพื่อปกป้องความชุ่มชื้นของหนังศีรษะ
หนังศีรษะลอก เมื่อไรที่ควรปรึกษาแพทย์?
หากอาการหนังศีรษะลอกไม่ดีขึ้นหรือเริ่มรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ เฉพาะเมื่อมีอาการเจ็บปวด รอยแดงหรือบวมที่หนังศีรษะมากขึ้น หรือมีอาการผมร่วงอย่างชัดเจน รวมถึงอาการติดเชื้อ เช่น มีหนองหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ การพบแพทย์จะช่วยวินิจฉัยสาเหตุและหาวิธีรักษาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรจะพบแพทย์ให้เร็วที่สุดและไม่ควรรอจนอาการหนักจนเกินไป
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหนังศีรษะลอก

Q : หนังศีรษะลอก แห้ง ควรใช้แชมพูอะไร?
A : ควรเลือกแชมพูที่อ่อนโยนปราศจากสารเคมีรุนแรง เช่น น้ำหอมสังเคราะห์ ซัลเฟต เพื่อช่วยบำรุงและรักษาความชุ่มชื้นของหนังศีรษะ และทางที่ดีควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวหนังของแต่ละบุคคล
Q : หนังศีรษะลอก หายเองได้ไหม?
A : อาการหนังศีรษะลอกบางกรณีสามารถหายได้เองด้วยการดูแลที่เหมาะสม แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
The One Clinic รักษาปัญหาผิวหนังและเส้นผมโดยแพทย์

สำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังศีรษะลอก อักเสบ หรือติดเชื้อ สามารถนัดหมายเพื่อพบแพทย์ที่ The One Clinic ย่านห้วยขวางได้ทุกวัน เรามีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเส้นผมคอยดูแลและรักษาอย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการรักษาที่หลากหลาย สามารถเลือกให้ตรงกับต้นตอของปัญหา ราคาเข้าถึงได้ และไม่มีการขายคอร์สเสริม
หากคุณต้องการปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาปัญหาผิวหนัง สิว ฝ้า รอยดำ หรือแม้แต่ปัญหาผมร่วง ผมบาง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยเบื้องต้นก่อนได้ค่ะ