สิวที่คอเป็นซ้ำ ๆ ซาก ๆ เกิดจากอะไร? ควรดูแลและรักษาอย่างไรให้หาย

สิวไม่เพียงเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพภายในหรือพฤติกรรมของเราเท่านั้น แต่การเป็นสิวยังรบกวนการใช้ชีวิต ทำให้เสียความมั่นใจ และยังต้องเสียเงินค่ารักษาแบบซ้ำไปซ้ำมา โดยเฉพาะสิวที่คอก็เป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอบ่อย ๆ ใส่เสื้อผ้าปกปิดนาน ๆ ก็ยิ่งเป็นสิว แต่จะให้เผยผิวส่วนนั้นก็รู้สึกเขินอายสายตาคนรอบข้าง บทความนี้จะพาไปดูสาเหตุของสิวที่คอและหาทางป้องกันรักษากันค่ะ

สาเหตุของการเกิดสิวที่คอ

สิวที่คอมีสาเหตุและลักษณะบางอย่างที่อาจแตกต่างจากสิวบนใบหน้า เราลองมาดูกันว่าสาเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง?

สาเหตุที่แตกต่างจากสิวบนใบหน้า:

  • การเสียดสีและการระคายเคือง: บริเวณคอเสี่ยงต่อการเสียดสีจากเสื้อผ้า ปกเสื้อ กระเป๋า หรือแม้กระทั่งผมยาว ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายกว่าผิวหน้า
  • เหงื่อ: บริเวณคอนี้มีเหงื่อออกมากกว่าใบหน้า ซึ่งเมื่อรวมกับสิ่งสกปรก แบคทีเรีย และน้ำมัน อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและเกิดสิวได้ง่ายขึ้น 
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม: สารตกค้างจากแชมพู ครีมนวดผม หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม อาจไหลลงมาที่คอและทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออุดตันรูขุมขนได้ง่ายกว่าบริเวณใบหน้า

ลักษณะที่แตกต่างจากสิวบนใบหน้า:

  • ขนาด: สิวที่คอมักมีขนาดใหญ่กว่าสิวที่ใบหน้า และมักเป็นสิวอักเสบมากกว่าสิวอุดตัน
  • ความลึก: สิวที่คอมักมีลักษณะเป็นก้อนลึก หรือเป็นสิวหัวช้างได้บ่อยกว่าสิวที่ใบหน้า เนื่องจากผิวบริเวณคอมีความหนาและมีต่อมไขมันขนาดใหญ่กว่า
  • การกระจายตัว: สิวที่คอมักกระจายตัวเป็นกลุ่มหรือเป็นปื้นมากกว่าสิวที่ใบหน้า ซึ่งมักขึ้นแบบกระจัดกระจาย

อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักของสิวที่คอและสิวบนใบหน้าก็ยังคงคล้ายคลึงกัน คือการอุดตันของรูขุมขน การผลิตน้ำมันส่วนเกิน และการสะสมของแบคทีเรีย ดังนั้น การรักษาและการป้องกันสิวทั้งสองบริเวณจึงมีหลักการคล้ายกัน คือต้องรักษาความสะอาด ลดความมัน และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดสิว

สาเหตุจากปัจจัยฮอร์โมน 

ฮอร์โมนในร่างกายของเรามีบทบาทสำคัญต่อการเกิดสิวได้ โดยเฉพาะสิวที่คอ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย 

  • ฮอร์โมนเพศชาย (Androgens):

      • ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมีฮอร์โมนนี้ แต่ในปริมาณที่ต่างกัน ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เมื่อน้ำมันส่วนเกินรวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรก ก็จะอุดตันรูขุมขนและนำไปสู่การเกิดสิวได้
      • ช่วงวัยรุ่น ช่วงมีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนก็จะมีความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
  • ฮอร์โมนความเครียด (Cortisol):

      • เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Cortisol ออกมา ซึ่งก็จะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิว ทำให้เกิดสิวได้อีก
      • ความเครียดยังทำให้ภูมิคุ้มกันของเราลดลง ร่างกายจึงต่อสู้กับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ยากขึ้นและเป็นสิวนั่นเอง
  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมน:

    • ตัวอย่างเช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชายมากเกินไป ทำให้เกิดสิวขึ้นมาก ผิวมัน และขนดก สิวจากสาเหตุนี้มักจะเป็นสิวอักเสบ และสามารถเกิดขึ้นที่คอได้

สาเหตุจากปัจจัยภายนอก 

ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดสิวที่คอมีค่อนข้างหลากหลายและเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของคนทั่ว ๆ ไป ดังนี้:

  • การเสียดสีและการระคายเคือง:
    • เสื้อผ้า: ปกเสื้อที่รัดแน่น หรือผ้าที่มีเนื้อหยาบ อาจเสียดสีกับผิวคอ ทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ และเป็นสิวได้
    • กระเป๋า: สายกระเป๋าที่สะพายบ่า อาจเสียดสีกับผิวคอเป็นประจำ ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน
    • ผม: โดยเฉพาะคนผมยาว หากปล่อยผมลงมาปิดคอ อาจทำให้เกิดการเสียดสีและระคายเคือง รวมถึงน้ำมันจากเส้นผมอาจอุดตันรูขุมขนได้อีกด้วย
  • เหงื่อ:
    • เมื่อเราออกกำลังกายหรืออยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้น เหงื่อก็จะออกมาก หากไม่ทำความสะอาดทันที เหงื่อจะรวมกับสิ่งสกปรกและน้ำมันบนผิว ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่าย
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม:
    • แชมพู ครีมนวดผม หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม อาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออุดตันรูขุมขนได้ 
  • การใช้โทรศัพท์มือถือ:
    • การแนบโทรศัพท์มือถือกับคอขณะคุยโทรศัพท์ อาจทำให้เกิดการเสียดสีและถ่ายโอนแบคทีเรียจากโทรศัพท์ไปยังผิวหนังบริเวณคอ ซึ่งเป็นต้นตอของการเกิดสิว
  • การโกนขน:
    • การโกนขนบริเวณคอ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือขนคุด ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบและเกิดสิวได้เช่นกัน

รู้จักประเภทของสิวที่คอ

ลักษณะสิวที่คอ

จริง ๆ แล้วสิวอุดตันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกตำแหน่งบนร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีการสะสมของน้ำมัน (Sebum) ซึ่งตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่เป็นสิวอุดตันมีดังนี้:

  1. สิวอุดตันที่แก้ม:

    บริเวณแก้มเป็นตำแหน่งที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองจากสิ่งแวดล้อมอยู่บ่อยครั้ง เช่น การสัมผัสกับโทรศัพท์มือถือ การใส่หน้ากากอนามัย หรือการหนุนหมอน อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีการสะสมของน้ำมัน (Sebum) ปริมาณมาก ที่สามารถอุดตันในรูขุมขนจึงเกิดเป็น สิวอุดตัน ได้ง่าย

  2. สิวอุดตันที่คาง:

    คางเป็นบริเวณที่เกิดสิวอุดตันหัวดำ เพราะบริเวณนี้มีการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ประกอบกับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันที่คางได้ 

  3. สิวอุดตันที่หน้าผาก:

    สิวอุดตันที่หน้าผากมักเกิดจากการสะสมของน้ำมัน เหงื่อ และสิ่งสกปรก โดยเฉพาะในผู้ที่มีผมหน้าม้า ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ผู้ที่แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางเป็นประจำ หรือผู้ที่สวมใส่หมวกเป็นเวลานาน ๆ หากไม่ทำความสะอาดให้ดีก็จะเกิดการอุดตันของรูขุมขน

  4. สิวอุดตันที่หลัง:

    สิวอุดตันที่หลัง สิวที่หลัง มักเกิดจากการสะสมของเหงื่อและน้ำมันในรูขุมขน โดยเฉพาะในผู้ที่ออกกำลังกายหรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยระบายอากาศ การเสียดสีระหว่างผิวหนังกับเสื้อผ้าอาจกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันในบริเวณนี้ได้เช่นกัน

  5. สิวอุดตันที่บริเวณกรอบหน้า:

    บริเวณกรอบหน้ามักเกิดสิวอุดตันจากการสัมผัสกับสิ่งสกปรกและน้ำมันจากเส้นผม การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม หากทำความสะอาดใบหน้าไม่หมดจดก็จะเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและอุดตันรูขุมขนในที่สุด

วิธีป้องกันสิวที่คอ

การป้องกันสิวที่คอสามารถทำได้หลายวิธีค่ะ โดยเน้นที่การรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และดูแลสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงจากภายใน หมอหนึ่งมีวิธีป้องกันการเกิดสิวที่คอด้วยตัวเองมาให้คุณลองนำไปปรับใช้กันค่ะ

  1. รักษาความสะอาด

  • ทำความสะอาดผิวบริเวณลำคอเป็นประจำ: ล้างด้วยสบู่อ่อน ๆ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกายที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรก เหงื่อ และน้ำมันส่วนเกินบนผิวหนัง
  • เช็ดคราบเหงื่อทันที: หลังออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก ควรเช็ดเหงื่อบริเวณคอให้แห้งทันที เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน และทำความสะอาดร่างกายโดยเร็ว
  • สระผมเป็นประจำ: โดยเฉพาะคนที่มีผมยาว ควรสระผมอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันจากเส้นผมไหลลงมาที่คอและทำให้เกิดสิว
  • ทำความสะอาดสิ่งของที่สัมผัสกับคอ: เช่น ปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า และผ้าพันคอ ควรซักทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้เป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
  1. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

  • สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี: หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือปกเสื้อที่เสียดสีกับคอ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและกระตุ้นให้เกิดสิวได้
  • หลีกเลี่ยงการใส่เครื่องประดับที่รัดแน่น: ควรเลือกใส่สร้อยคอที่หลวม ๆ ใส่สบาย เพื่อป้องกันการเสียดสีจนเกิดการระคายเคือง
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เหมาะสม: เลือกใช้แชมพู ครีมนวดผม และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่อ่อนโยนต่อผิว และล้างออกให้สะอาดหมดจด เพื่อป้องกันไม่ให้มีสารตกค้างบนผิวหนัง
  • โกนขนอย่างระมัดระวัง: หากคุณโกนขนบริเวณคอ ควรใช้มีดโกนที่คมและสะอาด และโกนตามแนวขน เพื่อลดการระคายเคืองและการเกิดขนคุด เพราะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว

หมอหนึ่งขอแชร์! วิธีรักษาสิวที่คอ

วิธีรักษาสิวที่คอ

การรักษาสิวที่คอขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของสิวค่ะ ซึ่งมีวิธีการรักษาหลากหลายวิธีที่ปรับใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาสิวและสภาพผิวของแต่ละเคส ดังนี้

1. การรักษาด้วยตนเอง

  • รักษาความสะอาด: ล้างคอด้วยสบู่อ่อนโยนวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือแกะเกา: การสัมผัสหรือแกะเกาสิวอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อเพิ่มขึ้น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Non-comedogenic” ลดการอุดตันรูขุมขน
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี: หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือปกเสื้อที่เสียดสีกับคอ เพื่อลดการระคายเคืองผิว

อ่านเพิ่มเติม >> รวม 18 วิธีรักษาสิว 

2. การรักษาด้วยยา

  • ยาทา:
    • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide): ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
    • ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่: ช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
    • Adapalene: ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการอักเสบ
  • ยารับประทาน:
    • ยาปฏิชีวนะ: ใช้ในกรณีสิวอักเสบปานกลางถึงรุนแรง เพื่อช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
    • ยาคุมกำเนิด: ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและลดการเกิดสิวในผู้หญิงบางราย
    • Isotretinoin: ใช้ในกรณีสิวรุนแรงหรือสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

3. การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ

  • การฉีดสิว: แพทย์จะฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในสิวอักเสบเพื่อลดการอักเสบและช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น
  • การกดสิว: แพทย์ผิวหนังอาจทำการกดสิวเพื่อเอาสิ่งอุดตันออก แต่ไม่ควรทำเองที่บ้าน เพราะหากทำผิดวิธีหรือไม่รักษาความสะอาดให้ดี อาจทำให้เกิดการอักเสบและแผลเป็นได้
  • เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุ: การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือ คลื่นวิทยุประเภท Monopolar RF ช่วยลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ปัญหาสิวดีขึ้น พร้อมฟื้นฟูปราการผิวให้แข็งแรง

คำแนะนำจากแพทย์:

  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: หากคุณมีปัญหาสิวเห่อที่คอรุนแรง และมีอาการปวด บวม แดง หรือคันมาก ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม จะช่วยให้ปัญหาสิวทุเลาและหายได้
  • ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด: การรักษาสิวอาจต้องใช้เวลาและความอดทน การทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดี
  • ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ: ทำความสะอาดผิวอย่างหมดจด หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือแกะเกาสิว และใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่และลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนังได้

รักษาสิวอย่างตรงจุด ไม่เลี้ยงไข้ วางใจ The One Clinic

The One Clinic คลินิกรักษาสิว ปัญหาผิว และเส้นผม ที่ดูแลโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์กว่า 2,000 เคส เราวินิจฉัยปัญหาสิวถึงต้นตอและออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ เพื่อการรักษาที่ตรงจุด เห็นผล ไม่เสียเวลาในการรักษาแบบเลี้ยงไข้ พร้อมบริการที่คนไข้ต่างประทับใจ สอบถามข้อมูลการรักษา หรือ ขอดูเคสรีวิวเพิ่มเติม สามารถติดต่อผ่านทาง Add Line: @theoneclinic (มี@) หรือ โทร. 093-5830921

บทความที่คล้ายกัน

ผมบาง

ผมบางก็กลับมาหนาได้! รู้สาเหตุ วิธีป้องกันและรักษาให้ตรงจุด บอกลาปัญหาผมขาดร่วง

บอกลาปัญหาผมบาง! เพียงรู้สาเหตุของผมบางและผมร่วง พร้อมวิธีป้องกันและวิธีรักษาอย่างตรงจุด เพื่อฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาหนา แข็งแรง หมดปัญหาผมขาดหลุดร่วง

สิวที่คอ

สิวที่คอเป็นซ้ำ ๆ ซาก ๆ เกิดจากอะไร? ควรดูแลและรักษาอย่างไรให้หาย

สิวที่คอเกิดจากอะไร? รู้สาเหตุที่ทำให้สิวที่คอเป็นซ้ำ ๆ พร้อมคำแนะนำวิธีการดูแลและรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผิวกลับมาเนียนใสไร้สิวไม่เกิดซ้ำ

เซ็บเดิร์ม

เซ็บเดิร์ม คืออะไร? เซ็บเดิร์มที่หน้าและศีรษะ รักษาให้หายได้ไหม?

เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) คืออะไร? รู้วิธีรักษาและควบคุมอาการผื่นแดงคันจากเซ็บเดิร์มที่หน้าและศีรษะ พร้อมวิธีป้องกันในการดูแลผิวจาก The One Clinic