สาเหตุของ ‘สิวหนอง’ เกิดจากอะไร?
สิวหนอง หรือ สิวหัวหนอง (Pustules Acne) เป็นสิวอักเสบที่ไม่รุนแรงมาก เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ทำให้เกิดการอักเสบและหนองสะสม โดยลักษณะของสิวหัวหนองจะมีอาการบวมแดงรอบ ๆ สิว รู้สึกปวด หัวสิวเป็นหนองสีขาวหรือสีเหลือง และมีขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กับความอักเสบของสิว
- การอุดตันของรูขุมขน: P. acnes เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนตามปกติ โดยแบคทีเรียชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีการอุดตัน และผลิตของเสีย ส่งผลให้เกิดการอักเสบ แดง บวม ร้อน และเจ็บปวดเมื่อโดนสัมผัส
- การบีบสิว: การบีบสิวเป็นสาเหตุทำให้แบคทีเรียกระจายตัวไปยังบริเวณอื่น ๆ ส่งผลให้ผิวอักเสบได้ง่าย และการบีบสิวแบบผิดวิธีก็จะยิ่งทำให้สิวหัวหนองมีอาการรุนแรงขึ้น
- ฮอร์โมน: เมื่อร่างกายคนเราผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) จะกระตุ้นให้เกิดสิว และทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวมากจนกลายเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย
- ระบบนิเวศของผิวหนัง (Skin Microbiome): ผิวหนังของเราเต็มไปด้วยจุลินทรีย์ขนาดเล็กอาศัยอยู่นับล้านตัว อาทิ แบคทีเรีย รา และไวรัส ซึ่งส่งผลโดยตรงกับสุขภาพผิว หากระบบนิเวศผิวเสียสมดุลก็จะทำให้ผิวบอบบางและอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุหลักของระบบนิเวศผิวที่เสียสมดุลก็มาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวและกรรมพันธุ์
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว: การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิว จะทำให้ผิวบอบบาง เสียสมดุล อ่อนแอ และง่ายต่อการระคายเคือง สิวหนองก็ยิ่งถูกกระตุ้นให้รุนแรงขึ้นได้
- พักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดี Growth Hormones ก็หลั่งได้มากขึ้น หากพักผ่อนน้อยก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ อักเสบง่าย และทำให้สิวหายช้าลง
สิวหนองมีลักษณะอย่างไร?
สิวหัวหนอง จะมีลักษณะเป็นตุ่มสิวมีหัวที่ฐานสิวรอบ ๆ มีสีแดงเล็กน้อยที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนัง ส่วนหัวสิวจะมีสีขาว สีเหลือง หรือสีเขียวของหนอง ขึ้นอยู่กับปริมาณของหนองและการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ภายในสิวใต้ผิวหนัง สามารถพบได้ทั่วร่างกาย พบได้ทั้งสิวหัวหนองเล็ก ๆ และขนาดใหญ่ ทั้งแบบกระจายและกระจุกตัวกันในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง
สำหรับสิวหัวหนองที่โดนสัมผัสบ่อย ๆ ทั้งจากมือ หน้ากากอนามัย หรือเสื้อผ้า จะมีอาการอักเสบที่รุนแรงกว่า รู้สึกปวดบวมมาก หรือแม้แต่สิวหนองตรงบริเวณหน้าผากที่อักเสบรุนแรง อาจลุกลามทำให้มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย เมื่อเป็นสิวหัวหนองจึงควรรักษาอย่างรวดเร็วและถูกวิธี เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
สิวหัวหนองเม็ดเล็ก สิวหัวหนองสุก สิวหัวหนองแข็ง คืออะไร?
- สิวหัวหนองเม็ดเล็ก มีลักษณะเป็นสิวหัวหนองที่มีขนาดเล็ก มีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ตรงกลาง พบที่บริเวณ T-zone ของใบหน้า
- สิวหัวหนองสุก คือ สิวที่มีหนองสะสมอยู่ปริมาณมาก มีสีขาวหรือเหลือง มักรู้สึกเจ็บและปวดเมื่อสัมผัส ซึ่งสิวหัวหนองสุกจะแตกเองโดยธรรมชาติ เพียงแต่ต้องใช้เวลา
- สิวหัวหนองแข็ง มีลักษณะเป็นสิวหัวหนองแข็งลึกอยู่ใต้ผิวหนัง มักรู้สึกเจ็บหรือปวดเมื่อสัมผัส พบมากที่บริเวณ T-zone หน้าอก และแผ่นหลัง
สิวหนอง มักเกิดขึ้นบริเวณใดบ้าง?
สิวหนองสามารถเกิดได้ทุกบริเวณของผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันหรือความอับชื้นมาก เพราะเป็นบริเวณที่เกิดการอุดตันง่าย เมื่อได้รับการกระตุ้นจากการสัมผัสหรือสิ่งสกปรกสะสม ก็จะเกิดการอักเสบเป็นสิวหนอง ซึ่งบริเวณที่สิวหนองเกิดขึ้นบ่อย ๆ อาทิ
- ใบหน้า: ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณ T-Zone โดยเฉพาะบริเวณปลายจมูกที่มีสิวเสี้ยนและสิวอุดตันจำนวนมาก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกตกค้าง
- หน้าผาก: เป็นบริเวณ T – Zone ที่มีต่อมไขมัน (Sebum) อยู่มาก ทำให้บริเวณนี้มีน้ำมันส่วนเกินซึ่งเป็นปัจจัยที่ง่ายต่อการเกิดสิวหนิงหรือสิวอักเสบ
- ลำคอ: คอเป็นบริเวณที่ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ทั้งที่เป็นบริเวณที่อยู่ติดกับไรผม มีคราบเหงื่อ คราบความมันจากเส้นผมหมักหมมค่อนข้างมาก
- หน้าอก: ส่วนใหญ่จะเกิดจากความอับชื้นของเสื้อผ้า คราบเหงื่อไคล คราบน้ำมันส่วนเกิน ซึ่งทำให้เกิดสิวอุดตันหัวหนองขึ้นมาได้
- แผ่นหลัง: เป็นหนึ่งในบริเวณที่ถูกละเลยการทำความสะอาด เช็ดล้างไม่ทั่วถึง ทำให้มีสิ่งสกปรกสะสมอยู่ เมื่อเสียดสีกับเสื้อผ้าก็ทำให้อักเสบเป็นสิวหนอง
- ไรผม: เป็นจุดที่มีการหมักหมมของคราบเหงื่อไคล และหากมีอาการแพ้แชมพูหรือครีมนวดผม ก็จะทำให้ผิวบริเวณนั้นบอบบางและอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ
วิธีป้องกันการเกิดสิวหัวหนอง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบหรือสิวหนองบ่อยครั้ง จำเป็นต้องดูแลผิวของตัวเองให้แข็งแรงและสะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสอักเสบของผิวและลดปัญหาสิวอุดตัน ซึ่งจะเป็นต้นตอของสิวหนองในอนาคต ซึ่ง The One Clinic มี 10 วิธีง่าย ๆ ดูแลปัญหาสิวเบื้องต้นด้วยตัวเองมาฝากกัน
- รักษาความสะอาดของใบหน้าและร่างกายอย่างสม่ำเสมอ อาบน้ำ-ล้างหน้า วันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่ากรดด่างเหมาะสมกับสภาพผิว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ทั้งมือ กระดาษเช็ดหน้า รวมทั้งหน้ากากอนามัย
- เช็ดล้างเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนล้างหน้าทุกครั้ง และควรใช้โทนเนอร์สูตรอ่อนโยนเช็ดหน้าก่อนบำรุงผิว
- ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิว เช่น ความร้อน แสงแดด เหงื่อ และไขมัน
- ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน เช่น ครีมกันแดดที่มีน้ำมันมาก หรือรองพื้นที่มีความหนาจนเกินไป
- หมวกที่สวมใส่ควรซักทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อลดความอับชื้นและการหมักหมมของสิ่งสกปรก
- ทานผักและผลไม้ทุกมื้อ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เสริมสร้างสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
- หลีกเลี่ยงความเครียดและทำใจให้สบาย
วิธีรักษาสิวหนอง ยุบไว หายเร็ว
หากคุณมีปัญหาสิวหนองเรื้อรังหรืออาการอักเสบรุนแรงขึ้น ที่ The One Clinic มีวิธีการรักษาสิวหนองทางการแพทย์หลายระดับ ซึ่งแพทย์จะตรวจสอบสภาพผิว วิเคราะห์ความรุนแรงของสิวและสภาพผิวของคนไข้ก่อนแนะนำขั้นตอนการรักษาที่ตรงจุด ช่วยให้ปัญหาสิวทุเลาลงและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
1. ยารับประทานและยาทาภายนอก
- ยารับประทานในการรักษาสิวหนองคือยา Isotretinoin ซึ่งจำเป็นต้องทานต่อเนื่อง 4-5 เดือนและสามารถทานคู่กับยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ตามการประเมินของแพทย์และเภสัชกร
- ยาทาประเภท Retinoids และ Benzoyl peroxide เพื่อลดอาการอุดตันของรูขุมขน
2. Monopolar RF
นวัตกรรมพลังงานคลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency (RF) ที่ช่วยรักษาสิวอักเสบที่เป็นเรื้อรังหรือสิวที่เกิดขึ้นบริเวณเดิมซ้ำ ๆ ซึ่งพลังงานคลื่นวิทยุจะเข้าไปฆ่าเชื้อ P. Acne ที่สิว ทำลายต่อมไขมันบริเวณที่เกิดสิวอักเสบให้สลาย ช่วยลดสิวหัวขาวและสิวหัวดำที่เกิดจากต่อมไขมันทำงานผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
3. นวัตกรรมคลื่นวิทยุ Acgen (แอกเจน)
เครื่องมือใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลีใต้ ช่วยรักษาสิวที่ต้นตอด้วยการปล่อยคลื่นวิทยุหรือ Radio Frequency (RF) เข้าไปลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง โดยไม่ต้องใช้ยา และไม่มีผลข้างเคียง ทำงานโดยการส่งพลังงานวิทยุเพื่อหยุดยั้งการทำงานของต่อมไขมันและฆ่าเชื้อ P. Acnes ช่วยลดการอักเสบที่บริเวณชั้นผิวและลดสิวอย่างเห็นผล
คำถามที่พบบ่อย
Q : สิวหนองหายเองได้ไหม?
A : สิวหนองอาจหายเองได้ แต่อาจใช้เวลานานและอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ควรรักษาด้วยยาทาและยารับประทาน ควบคู่กับการรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
Q : บีบ/กดสิวหนองได้ไหม?
A : ไม่ควรแกะหรือบีบสิว เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงขึ้นและทิ้งรอยแผลเป็นระยะยาว
Q : เมื่อสิวหนองเกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
A : หากเป็นสิวหนองนานกว่า 2-4 สัปดาห์ หรือมีอาการอักเสบรุนแรงขึ้น ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
ตัดวงจรสิวหนอง หมอหนึ่งดูแลทุกเคสอย่างตรงจุด
การตัดวงจรสิวหัวหนอง หมอหนึ่ง จาก The One Clinic ช่วยดูแลทุกเคสอย่างใส่ใจ วิเคราะห์ปัญหาอย่างตรงจุด และหาทางป้องกันไม่ให้สิวเกิดซ้ำ ด้วยการวินิจฉัยสาเหตุของสิว ซักประวัติ และตรวจสภาพผิวอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุว่าสิวเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ ไรขน การแพ้ หรือฮอร์โมน
The One Clinic มีนวัตกรรมรักษาสิวและโปรแกรมเกี่ยวกับผิวหนังให้เลือกอย่างตอบโจทย์ หากคุณต้องการปรึกษาปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ เรามีแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้บริการทุกวัน เดินทางง่าย ใกล้ MRT ห้วยขวาง